ปัญหาสุดคลาสสิกที่สร้างความกังวลใจให้กับผู้หญิงทุกยุคทุกสมัยและทุกเชื้อชาติคงหนีไม่พ้นปัญหา ผิวแห้ง ที่ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่ประเทศที่มีภูมิอากาศหนาวอย่างในยุโรปหรือแถวจีนและญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ประเทศเมืองร้อนอย่างบ้านเรา ก็มีโอกาสเจอกับปัญหา ผิวแห้ง ได้เหมือนกัน ทำไมนะหรือ?
ทำความรู้จักกับโครงสร้างผิวหนัง
ผิวหนังเป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดในร่างกาย มีน้ำหนักถึง 3.6 กิโลกรัม มีพื้นที่รวมกันเท่ากับสองตารางเมตร ทุก 24 ชั่วโมงผิวชั้นนอกสุดจะผลัดเซลล์ที่ตายแล้ว เพื่อผลัดผิวใหม่ทุก 28 วัน เซลล์ผิวที่เราผลัดออกไปตลอดทั้งชีวิตนั้นมีน้ำหนักมากถึง 40 กิโลกรัม โดยผิวชั้นนอกสุดคือที่สะสมของเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ผิวชั้นในคือที่ๆ เซลล์ผิวใหม่เกิดขึ้น โครงสร้างผิวเปรียบเสมือนอิฐและปูน ประกอบด้วยโปรตีน (อิฐ) และลิพิด (ปูน) ลิพิดคือของเหลวที่ประกอบด้วยกรดไขมันชนิดต่างๆ โดยเฉพาะกรดสเตียริกที่ทำหน้าที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว
ทำไมผิวจึงแห้ง?
อาการ "ผิวแห้ง" เป็นผลมาจากครึ่งหนึ่งของปริมาณน้ำที่ถูกกักเก็บไว้ในผิวหนังจะระเหยไปตามธรรมชาติผ่านผิวหนังของเราทุกวันโดยที่เราไม่รู้ตัว ซึ่งเกิดมาจาก
อายุที่มากขึ้น ทำให้ฮอร์โมนและต่อมไขมันทำงานถดถอยลง ผิวเราก็จะยิ่งแห้งเร็วและง่ายขึ้นโดยเฉพาะบริเวณตามข้อพับและหน้าขา
สภาพอากาศที่ไม่ได้มีเพียงความหนาวหรือลมเย็นเท่านั้นที่ทำให้ผิวแห้ง แต่ในสภาพอากาศร้อนชื้นอย่างบ้านเราก็มีผลให้สูญเสียน้ำหล่อเลี้ยงด้วยเช่นกัน เพราะในชีวิตประจำวัน เราอาจต้องเผชิญกับแสงแดด แม้ในฤดูที่อุณหภูมิจะไม่สูงเหมือนซัมเมอร์ แต่ก็ชะล่าใจไม่ได้อยู่ดี เพราะยังมี "รังสียูวี" คอยทำร้ายผิวอยู่ นอกจากนี้ ระหว่างวันเรายังอาจเผชิญกับภาวะที่อากาศเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น ขณะทำงานอยู่ในห้องแอร์เย็นๆ ตั้งแต่เช้าถึงเย็นเป็นเวลานาน น้ำในผิวก็จะระเหยเร็วขึ้น ความชุ่มชื่น
ก็จะลดลง หรือขณะออกจากห้องแอร์มารับประทานข้าวกลางวัน เจอแดดร้อนๆ ก็ทำให้ผิวสูญเสียน้ำไปโดยไม่รู้ตัว
การอาบน้ำบ่อยๆ ที่ไม่ว่าจะเป็นน้ำอุ่นหรือน้ำอุณหภูมิปกติ ก็มีส่วนทำให้ความชุ่มชื่นที่มีอยู่ตามธรรมชาติในผิวหนังถูกชะล้างไปพร้อมกับการอาบน้ำ บางคนชอบขัดผิวบ่อยๆ หรือชอบแช่น้ำร้อนนานๆ ก็ยิ่งทำให้ผิวแห้งและชั้นหนังกำพร้าอ่อนแอ ทำให้ผิวไม่เต่งตึงชุ่มชื่น
สาวๆ ที่ใส่ใจสุขภาพผิวจึงไม่ควรรอให้ "ผิวแห้ง" บางรายอาจถึงลอกเป็นขุย จนรู้สึกสากหรือคัน ไม่แน่ว่านั่นเป็นผลชั่วคราวจากอากาศ หรือเป็นอาการของโรคผิวหนัง ที่เกิดจากผิวขาดน้ำมันไปหล่อเลี้ยง และไม่สามารถเก็บความชุ่มชื้นเอาไว้ได้ การใช้โลชั่นบำรุงผิวที่มีคุณค่าสารสกัดจากธรรมชาติจึงเป็นตัวช่วยสำคัญที่จะช่วยรักษาความชุ่มชื่นที่หล่อเลี้ยงเซลล์ผิวตามธรรมชาติ อีกทั้งช่วยเสริมความแข็งแรงให้ปราการผิวชั้นนอก
ใหม่! โดฟ บอดี้โลชั่น บำรุงล้ำลึกด้วย DeepCare Complex ให้ผิวเนียนนุ่มยาวนาน ด้วยสารบำรุงที่อยู่ในผิวได้นาน 10 วัน
มอยซ์เจอร์ไรเซอร์ หรือสารบำรุงผิว มีอยู่ด้วยกันหลากหลายชนิด สารบำรุงผิวบางชนิดเป็นแบบ Occlusive คือ เคลือบอยู่ที่ผิวด้านบน ไม่สามารถซึมซาบสู่ผิวได้ ทำหน้าที่ช่วยป้องกันการสูญเสียน้ำจากผิวในขณะที่สารบำรุงผิวอีกหลายชนิดเป็นสารบำรุงผิวประเภทฮิวเมคแทนต์ (Humectant) สามารถซึมซาบสู่ผิวได้ล้ำลึก และทำหน้าที่เป็นตัวโอบอุ้มน้ำไว้ภายในผิว ทำให้ผิวมีความชุ่มชื่นขึ้น แต่ก็ไม่สามารถป้องกัน
การสูญเสียน้ำจากผิวได้ โลชั่นบำรุงผิวจึงควรมีส่วนผสมของสารบำรุง ทั้งแบบที่ซึมซาบได้ล้ำลึก โอบอุ้มน้ำไว้ภายในผิว ผสมผสานกับสารบำรุงแบบที่เคลือบป้องกันการสูญเสียน้ำจากผิวได้ด้วยเพื่อคงความชุ่มชื่นให้ผิวได้ยาวนานอย่างแท้จริง
ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวพรรณของโดฟจึงได้สร้างสรรค์ โดฟ บอดี้ โลชั่น โลชั่นบำรุงผิวสูตรที่ดีที่สุดของโดฟ ผสมผสานสารบำรุงผิวที่ให้ความชุ่มชื่นยาวนานอย่างแท้จริง ด้วยสูตรดีพแคร์ คอมเพล็กซ์ (DeepCare Complex) สูตรเฉพาะของโดฟที่มีสารบำรุงผิวชนิดเดียวกันกับที่มีในผิวตามธรรมชาติ และเอสเซนเชี่ยล ออยล์ ช่วยบำรุงล้ำลึกถึงภายใน ให้ปราการผิวชั้นนอกชุ่มชื่นสุขภาพดี ผิวสวยเนียนนุ่ม
ชุ่มชื่นยาวนาน
ปรนนิบัติผิวชุ่มชื่นยาวนานล้ำลึกรับปีใหม่ ด้วยเคล็ดลับพิเศษจาก โดฟ บอดี้ โลชั่น
"โดฟ บอดี้ โลชั่น" ยังมีเคล็ดลับพร้อมอวดผิวชุ่มชื่นยาวนานรับปีใหม่และตลอดปี ที่ไม่ว่าจะหนาวหรือร้อนแค่ไหนก็ไม่หวั่นมาฝากสาวๆ เพียงแค่ทาโลชั่นบำรุงผิวทันทีภายใน 3 นาทีหลังการอาบน้ำขณะที่ผิวมีความชุ่มชื้นพอสมควร เนื่องจากรูขุมขนเปิดพร้อมสำหรับการบำรุง ทำให้โลชั่นสามารถซึมเข้าไปฟื้นฟูและดูแลผิวได้ดียิ่งขึ้น
บริเวณปลายเท้า-ขา ให้ทาโลชั่นที่ปลายขาวนขึ้นไปยังต้นขา เน้นบริเวณหน้าแข้งทั้งสอง เพราะเป็นบริเวณที่ผิวแห้งง่ายที่สุด รวมทั้งทาครีมบริเวณเท้าทั้งหลังเท้าและฝ่าเท้า ด้วยการใช้นิ้วโป้งนวดคลึงให้ทั่วอุ้งเท้า เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต
บริเวณต้นขา-หน้าท้อง ใช้นิ้วนวดหมุนวนเป็นวงกลม จากต้นขาเรื่อยขึ้นมาจนถึงสะโพก ไล่ขึ้นมายังหน้าท้อง นวดวนเป็นวงกลมจากขวาไปซ้ายตามทิศทางของลำไส้ใหญ่ ช่วยไล่ลมที่ค้างอยู่
บริเวณต้นแขน ควรทาโลชั่นหรือครีมลักษณะวนขึ้นหลังแขน โดยการใช้ปลายนิ้วลูบไล้เบาๆ เพื่อให้ซึมซาบเข้าสู่ผิวได้ดี
บริเวณแขน-หน้าอก ให้นวดจากข้อมือไล่มายังหัวไหล่ ส่วนบริเวณหน้าอกให้กางฝ่ามือออกลูบขึ้นเบาๆ จากด้านนอกเข้าสู่ด้านในนอกจากการบำรุงผิวจากภายนอกแล้ว ยังควรบำรุงจากภายในด้วยการดื่มน้ำในปริมาณที่พอเหมาะไม่น้อยเกินไป เลือกรับประทานอาหารที่เต็มไปด้วยประโยชน์จากธรรมชาติ รวมทั้งการออกกำลังกายด้วยการขยับร่างกายช้าๆ อย่าง โยคะ ก็ช่วยกระตุ้นการหมุนเวียนของโลหิตและมีส่วนช่วยผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและกระชับกล้ามเนื้อไปในตัวซึ่งสามารถทำเองได้ง่ายๆ ที่บ้านหรือจับกลุ่มเพื่อนซี้มาขยับท่วงท่าตามสไตล์ เพิ่มจังหวะจากช้าๆ ไปเป็นจังหวะสนุกๆจะกังนัมสไตล์หรือสไตล์ไหนก็ได้ ที่สำคัญหลังจากออกกำลังกายแล้ว อย่าลืมดื่มน้ำเพื่อทดแทนปริมาณน้ำที่ร่างกายสูญเสียไป และทำให้ผิวพรรณของเราดูเปล่งปลั่ง ชุ่มชื่น และกระชับ แลดูมีสุขภาพดีอยู่เสมอ